เยเรมีย์ 4
2 และเจ้าจงปฏิญาณว่า ‘พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์อยู่ ในความจริง ในความยุติธรรม และในความชอบธรรม’ และบรรดาประชาชาติจะให้พรกันในพระองค์ และในพระองค์เขาทั้งหลายจะโอ้อวด”
3 เพราะพระเยโฮวาห์ตรัสกับคนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มว่า “จงทุบดินของพวกเจ้าที่ไถไว้แล้วนั้น และอย่าหว่านกลางหนามทั้งหลาย
4 จงเอาตัวพวกเจ้าเข้าสุหนัตถวายแด่พระเยโฮวาห์ และจงเอาบรรดาหนังหุ้มปลายแห่งใจของพวกเจ้าออกไปเสีย พวกเจ้า คนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย เกรงว่าความกริ้วของเราจะพลุ่งออกไปอย่างไฟ และเผาไหม้จนไม่มีใครสามารถดับมันได้ เพราะเหตุความชั่วร้ายแห่งการกระทำทั้งหลายของพวกเจ้า
5 พวกเจ้าจงประกาศในยูดาห์ และโฆษณาในกรุงเยรูซาเล็ม และกล่าวว่า ‘พวกเจ้าจงเป่าแตรในแผ่นดิน จงร้องประกาศ จงรวมตัวกัน และกล่าวว่า พวกเจ้าจงมารวมตัวกันเถิด และให้พวกเราเข้าไปในบรรดานครที่มีป้อม’
6 จงยกธงขึ้นสู่ศิโยน จงถอนตัวไป อย่ารออยู่ เพราะเราจะนำความชั่วร้ายมาจากทางทิศเหนือ และนำการทำลายใหญ่ยิ่งมา
7 สิงโตตัวหนึ่งได้ขึ้นมาจากพุ่มไม้หนาทึบของมัน และผู้ทำลายแห่งพวกคนต่างชาติกำลังเดินทางมาแล้ว เขาได้ออกไปจากสถานที่ของเขาเพื่อกระทำให้แผ่นดินของเจ้ารกร้างไป และนครต่าง ๆ ของเจ้าจะถูกทิ้งร้างว่างเปล่า โดยปราศจากคนอาศัยอยู่
8 ด้วยเหตุนี้ พวกเจ้าจงสวมผ้ากระสอบ จงคร่ำครวญและพิลาปร่ำไห้ เพราะความกริ้วอันดุเดือดของพระเยโฮวาห์มิได้หันกลับไปจากพวกเรา
9 และต่อมาในวันนั้น” พระเยโฮวาห์ตรัส “ใจของกษัตริย์จะละลายไป ทั้งใจของพวกประมุข และพวกปุโรหิตจะตกตะลึง และผู้พยากรณ์ทั้งหลายก็จะอัศจรรย์ใจ”
10 แล้วข้าพเจ้าจึงทูลว่า “โธ่ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า แน่ทีเดียวพระองค์ทรงหลอกลวงประชากรนี้และกรุงเยรูซาเล็มอย่างมาก โดยตรัสว่า ‘พวกเจ้าจะมีสันติสุข’ แต่ตรงกันข้ามดาบได้เข้ามาถึงจิตใจแล้ว
11 ในเวลานั้น สิ่งหนึ่งจะถูกกล่าวแก่ประชากรนี้และแก่กรุงเยรูซาเล็มว่า ‘ลมแห้งจากสถานที่สูงทั้งหลายในถิ่นทุรกันดารพัดมาสู่บุตรสาวแห่งประชากรของเรา ไม่ใช่เพื่อจะฝัด หรือเพื่อจะชำระ
12 คือลมที่พัดเต็มกำลังจากสถานที่เหล่านั้นจะมาสู่เรา บัดนี้เราจะกล่าวคำตัดสินต่อพวกเขาด้วย’
13 ดูเถิด เขาจะขึ้นมาเหมือนหมู่เมฆ และบรรดารถม้าศึกของเขาจะเป็นเหมือนลมหมุน ม้าทั้งหลายของเขาเร็วยิ่งกว่าบรรดานกอินทรี วิบัติแก่เราทั้งหลาย เพราะว่าพวกเราถูกปล้น
14 โอ กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงล้างใจของเจ้าให้พ้นจากความชั่ว เพื่อเจ้าสามารถรอดได้ บรรดาความคิดอันไร้สาระของเจ้านั้นจะสิงอยู่ภายในเจ้านานสักเท่าใด
15 เพราะว่ามีเสียงหนึ่งประกาศมาจากเมืองดาน และโฆษณาความเจ็บปวดรวดร้าวจากแดนเทือกเขาเอฟราอิม
16 พวกเจ้าจงกล่าวแก่บรรดาประชาชาติ ดูเถิด จงโฆษณาแก่กรุงเยรูซาเล็มว่า บรรดาผู้ล้อมมาจากแผ่นดินไกล และส่งเสียงของพวกเขาเข้าใส่นครต่าง ๆ แห่งยูดาห์
17 เหมือนบรรดาผู้ดูแลเฝ้าทุ่งนา พวกเขาล้อมเธอไว้รอบ เพราะว่าเธอได้กบฏต่อเรา” พระเยโฮวาห์ตรัส
18 “วิถีของเจ้าและการกระทำทั้งหลายของเจ้าได้นำสิ่งเหล่านี้มาถึงเจ้า นี่แหละเป็นความชั่วของเจ้า เพราะมันขมขื่น เพราะมันเข้ามาถึงใจของเจ้า”
19 จิตใจของข้า จิตใจของข้า ข้าก็เจ็บปวดในใจของข้าเอง ใจของข้าทำเสียงภายในตัวข้า ข้าจะนิ่งเสียไม่ได้ เพราะเจ้าได้ยินแล้ว โอ จิตใจของข้า เสียงแห่งแตร เสียงปลุกแห่งสงคราม
20 การทำลายล้างซ้อนการทำลายล้างได้ถูกร้องประกาศแล้ว เพราะแผ่นดินทั้งสิ้นก็ถูกปล้น ทันทีทันใดบรรดาเต็นท์ของข้าก็ถูกปล้น และม่านทั้งหลายของข้าในบัดเดี๋ยวเดียว
21 ข้าจะเห็นธงและได้ยินเสียงแห่งแตรนานสักเท่าใด
22 “เพราะประชากรของเราโง่เขลา พวกเขาไม่ได้รู้จักเรา พวกเขาเป็นลูกหลานที่โง่ทึบ และพวกเขาไม่มีความเข้าใจเลย พวกเขาฉลาดในการทำความชั่วร้าย แต่พวกเขาไม่มีความเข้าใจที่จะทำดี”
23 ข้าพเจ้าได้มองดูพื้นแผ่นดิน และดูเถิด มันเป็นที่ร้างและว่างเปล่า และฟ้าสวรรค์ทั้งหลาย และพวกมันไม่มีความสว่าง
24 ข้าพเจ้าได้มองดูภูเขาทั้งหลาย และดูเถิด พวกมันได้สั่น และบรรดาเนินเขาก็ขยับเล็กน้อย
25 ข้าพเจ้าได้มองดู และดูเถิด ไม่มีมนุษย์คนใดเลย และบรรดานกแห่งท้องฟ้าทั้งหลายได้หนีไปแล้ว
26 ข้าพเจ้าได้มองดู และดูเถิด สถานที่ที่เกิดผลเป็นถิ่นทุรกันดาร และนครทั้งสิ้นของที่นั่นก็พังลงต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และโดยความกริ้วอันดุเดือดของพระองค์
27 เพราะพระเยโฮวาห์ได้ตรัสดังนี้ว่า “แผ่นดินทั้งหมดจะเป็นที่รกร้าง ถึงกระนั้นเราก็ยังมิได้กระทำให้ถึงอวสานเสียทีเดียว
28 เพราะเหตุนี้แผ่นดินโลกจะโศกเศร้า และบรรดาฟ้าสวรรค์เบื้องบนจะดำมืด เพราะเราได้ลั่นวาจาแล้ว เราได้มุ่งหมายสิ่งนี้ไว้แล้ว และจะไม่เปลี่ยนใจ และเราจะไม่หันกลับจากสิ่งนี้
29 ชาวเมืองทั้งหมดก็จะหนีไปเนื่องด้วยเสียงของพวกทหารม้าและนักธนูทั้งหลาย พวกเขาจะเข้าไปในพุ่มไม้หนาทึบทั้งหลาย และปีนขึ้นไปบนโขดหินทั้งหลาย นครทุกแห่งจะถูกทอดทิ้ง และไม่มีมนุษย์คนใดอาศัยอยู่ในที่นั่นเลย
30 และเมื่อเจ้าถูกปล้นแล้ว เจ้าจะทำอะไรเล่า ถึงแม้ว่าเจ้าแต่งตัวตนเองด้วยสีแดง ถึงแม้ว่าเจ้าประดับตัวด้วยบรรดาอาภรณ์ทำด้วยทองคำ ถึงแม้ว่าเจ้าแต่งหน้าของเจ้าด้วยแต้มสี เจ้าจะแต่งตัวให้งามเสียเปล่า บรรดาคนรักของเจ้าจะเหยียดหยามเจ้า เขาทั้งหลายจะแสวงหาชีวิตของเจ้า
31 เพราะเราได้ยินเสียงเหมือนอย่างหญิงที่เจ็บท้องใกล้คลอด และความเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนอย่างหญิงที่กำลังคลอดลูกคนแรกของนาง เสียงของบุตรสาวแห่งศิโยน ที่คร่ำครวญให้ตัวเอง ที่เหยียดมือของนางออก โดยกล่าวว่า ‘บัดนี้วิบัติแก่ข้า เพราะจิตใจของข้าอ่อนเปลี้ยอยู่เพราะเหตุพวกฆาตกร’”