มัทธิว 11
2 บัดนี้เมื่อยอห์นได้ยินในคุกถึงการงานเหล่านั้นของพระคริสต์ ท่านก็ส่งสาวกสองคนของท่านไป
3 และทูลพระองค์ว่า “ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือ หรือพวกเราจะต้องเฝ้าคอยผู้อื่น”
4 พระเยซูทรงตอบและตรัสกับพวกเขาว่า “จงไปและแจ้งแก่ยอห์นอีกครั้งถึงสิ่งเหล่านั้นซึ่งท่านทั้งหลายได้ยินและเห็น
5 คนตาบอดได้รับการมองเห็นของพวกเขา และคนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนถูกชำระให้หายสะอาด และคนหูหนวกก็ได้ยิน คนตายแล้วถูกทำให้เป็นขึ้นมา และคนยากจนมีข่าวประเสริฐประกาศแก่พวกเขา
6 และผู้ใดก็ตามที่จะไม่สะดุดในเรา ผู้นั้นก็ได้รับพร”
7 และขณะที่พวกสาวกกำลังจากไป พระเยซูเริ่มตรัสกับคนเป็นอันมากเกี่ยวกับยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดหรือ
8 แต่ท่านทั้งหลายได้ออกไปเพื่อดูอะไร คนนุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มหรือ ดูเถิด คนทั้งหลายที่นุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มก็อยู่ในบรรดาพระราชวังของกษัตริย์ทั้งหลาย
9 แต่ท่านทั้งหลายได้ออกไปเพื่อดูอะไร ศาสดาพยากรณ์คนหนึ่งหรือ ใช่แล้ว เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลาย และยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์เสียอีก
10 ด้วยว่านี่แหละคือผู้ที่ถูกเขียนถึงว่า ‘ดูเถิด เราส่งทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้ซึ่งจะเตรียมหนทางของท่านไว้ข้างหน้าท่าน’
11 เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในท่ามกลางบรรดาคนที่เกิดจากพวกผู้หญิง ไม่มีผู้ใดเกิดขึ้นที่ใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์ก็เป็นใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก
12 และตั้งแต่วันเวลาของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาจนถึงตอนนี้ อาณาจักรแห่งสวรรค์ก็ผจญกับความรุนแรง และพวกที่ชอบใช้ความรุนแรงก็ชิงอาณาจักรนั้นโดยใช้กำลัง
13 เพราะศาสดาพยากรณ์เหล่านั้นทุกคนและพระราชบัญญัติได้พยากรณ์มาจนถึงยอห์น
14 และถ้าท่านทั้งหลายจะยอมรับสิ่งนี้ ยอห์นคนนี้แหละเป็นเอลียาห์ซึ่งจะมานั้น
15 ผู้ที่มีหูที่จะฟัง จงให้ผู้นั้นฟังเถิด
16 แต่เราจะเปรียบคนชั่วอายุนี้เหมือนกับอะไรดี คนชั่วอายุนี้เปรียบเหมือนเด็ก ๆ ซึ่งนั่งในตลาดทั้งหลาย และร้องบอกแก่เพื่อน ๆ ของตน
17 และกล่าวว่า ‘พวกฉันได้เป่าปี่ให้พวกเธอ และพวกเธอมิได้เต้นรำ พวกฉันได้พิลาปร่ำไห้แก่พวกเธอ และพวกเธอมิได้คร่ำครวญ’
18 ด้วยว่ายอห์นได้มาทั้งไม่ได้กินหรือดื่ม และพวกเขากล่าวว่า ‘เขามีผีตนหนึ่งเข้าสิงอยู่’
19 บุตรมนุษย์ได้เสด็จมาทั้งกินและดื่ม และพวกเขากล่าวว่า ‘ดูเถิด ชายผู้กินเติบและดื่มน้ำองุ่นมาก เป็นมิตรสหายกับพวกคนเก็บภาษีและคนบาปทั้งหลาย’ แต่พระปัญญาก็ปรากฏว่าชอบธรรมแล้วโดยบุตรทั้งหลายของนาง”
20 แล้วพระองค์ก็ทรงตั้งต้นติเตียนนครต่าง ๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำบรรดาการอิทธิฤทธิ์เป็นส่วนมาก เพราะพวกเขามิได้กลับใจเสียใหม่
21 “วิบัติแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติแก่เจ้า เมืองเบธไซดา เพราะถ้าบรรดาการอิทธิฤทธิ์ซึ่งได้ถูกกระทำในพวกเจ้า ได้ถูกกระทำในเมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว คนทั้งหลายในเมืองทั้งสองนั้นก็คงจะได้กลับใจเสียใหม่ตั้งนานแล้วในผ้ากระสอบและขี้เถ้า
22 แต่เรากล่าวแก่เจ้าทั้งสองว่า ในวันแห่งการพิพากษา โทษของเมืองไทระและเมืองไซดอนจะเบากว่าโทษของเจ้าทั้งสอง
23 และเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม ซึ่งถูกยกขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ จะถูกนำลงไปถึงนรกต่างหาก ด้วยว่าถ้าบรรดาการอิทธิฤทธิ์ซึ่งได้ถูกกระทำในเจ้านั้น ได้ถูกกระทำในเมืองโสโดมแล้ว เมืองนั้นก็คงจะได้เหลืออยู่จนถึงทุกวันนี้
24 แต่เรากล่าวแก่พวกเจ้าว่า ในวันแห่งการพิพากษา โทษของแผ่นดินโสโดมจะเบากว่าโทษของเจ้า”
25 ในเวลานั้นพระเยซูทรงตอบและทูลว่า “ข้าพระองค์ขอขอบพระคุณพระองค์ โอ ข้าแต่พระบิดา ผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก เพราะพระองค์ได้ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ไว้จากคนมีปัญญาและคนสุขุมรอบคอบ และได้ทรงเปิดเผยสิ่งเหล่านี้แก่พวกเด็กอ่อน
26 ก็เป็นอย่างนั้น ข้าแต่พระบิดา เพราะเป็นที่ชอบพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์
27 พระบิดาของเราได้ทรงมอบสิ่งสารพัดให้แก่เรา และไม่มีผู้ใดรู้จักพระบุตรนอกจากพระบิดา และไม่มีผู้ใดรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตร และผู้ใดก็ตามที่พระบุตรประสงค์จะสำแดงพระองค์
28 จงมาหาเรา ท่านทั้งหลายทุกคนที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก และเราจะให้การหยุดพักแก่ท่านทั้งหลาย
29 จงเอาแอกของเราแบกไว้บนท่านทั้งหลาย และจงเรียนจากเรา เพราะว่าเรามีใจอ่อนสุภาพและถ่อมลง และท่านทั้งหลายจะพบการหยุดพักสำหรับจิตวิญญาณของพวกท่าน
30 ด้วยว่าแอกของเราก็แบกง่าย และภาระของเราก็เบา”