ผู้วินิจฉัย 15

2 และบิดาของนางกล่าวว่า “ข้าพเจ้าคิดจริง ๆ ว่า ท่านได้เกลียดชังนางเหลือเกิน ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงยกนางให้แก่เพื่อนของท่านเสีย น้องสาวของนางก็สวยกว่านางมิใช่หรือ จงรับคนน้องนี้ไป ข้าพเจ้าขอร้องท่าน แทนคนพี่เถิด”
3 และแซมสันกล่าวเกี่ยวกับพวกเขาว่า “บัดนี้ข้าพเจ้าจะมีความผิดน้อยกว่าคนฟีลิสเตีย ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะทำให้พวกเขาไม่พอใจ”
4 และแซมสันจึงออกไปและจับสุนัขจิ้งจอกสามร้อยตัว และเอาคบเพลิงทั้งหลาย และผูกหางติดกันเป็นคู่ ๆ และเอาคบเพลิงผูกติดไว้ระหว่างหางทุก ๆ คู่
5 และเมื่อท่านได้จุดคบเพลิงเหล่านั้นแล้ว ท่านก็ปล่อยพวกสุนัขจิ้งจอกเข้าไปในนาของคนฟีลิสเตียที่ข้าวยังตั้งรวงอยู่ และเผาทั้งฟ่อนข้าวและข้าวที่ยังตั้งรวงอยู่นั้น พร้อมกับบรรดาสวนองุ่นและต้นมะกอกทั้งหลาย
6 แล้วคนฟีลิสเตียกล่าวว่า “ใครได้ทำอย่างนี้” และพวกเขาตอบว่า “แซมสันบุตรเขยของคนทิมนาห์ เพราะว่าคนนั้นได้เอาภรรยาของเขา และยกนางให้แก่เพื่อนของเขาเสีย” และคนฟีลิสเตียก็ขึ้นมา และเผานางกับบิดาของนางเสียด้วยไฟ
7 และแซมสันกล่าวแก่พวกเขาว่า “ถึงแม้ว่าพวกท่านได้ทำอย่างนี้ ข้าพเจ้าก็จะต้องแก้แค้นพวกท่าน และหลังจากนั้นข้าพเจ้าจึงจะเลิกรา”
8 และท่านได้โจมตีพวกเขาอย่างดุเดือดเลือดพล่านด้วยการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ และท่านก็ลงไปและอาศัยอยู่ในยอดของศิลาเอตาม
9 แล้วคนฟีลิสเตียก็ขึ้นไป และตั้งเต็นท์อยู่ในเขตยูดาห์ และกระจายตนเองอยู่ในเมืองเลฮี
10 และคนยูดาห์กล่าวว่า “พวกท่านขึ้นมาต่อสู้กับพวกเราทำไม” และพวกเขาตอบว่า “พวกเราขึ้นมาเพื่อผูกมัดแซมสัน เพื่อจะกระทำแก่เขาอย่างที่เขาได้กระทำแก่พวกเรา”
11 แล้วคนยูดาห์สามพันคนขึ้นไปที่ยอดของศิลาเอตาม และกล่าวแก่แซมสันว่า “ท่านไม่ทราบหรือว่าคนฟีลิสเตียเป็นผู้ครอบครองเหนือพวกเรา ท่านได้กระทำอะไรแก่พวกเราเล่า” และท่านกล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกเขาได้กระทำแก่ข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าก็ได้กระทำแก่พวกเขาอย่างนั้น”
12 และพวกเขากล่าวแก่ท่านว่า “พวกเราลงมาเพื่อจะผูกมัดท่าน เพื่อพวกเราจะมอบท่านไว้ในมือของคนฟีลิสเตีย” และแซมสันกล่าวแก่พวกเขาว่า “ขอปฏิญาณให้แก่ข้าพเจ้าว่า พวกท่านเองจะไม่ทำร้ายข้าพเจ้า”
13 และพวกเขากล่าวแก่ท่านว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น แต่พวกเราจะผูกมัดท่านให้แน่นหนา และมอบท่านไว้ในมือของพวกเขา แต่พวกเราจะไม่ฆ่าท่านเสียอย่างแน่นอน” และพวกเขาได้เอาเชือกพวนใหม่สองเส้นผูกมัดท่านไว้ และนำตัวท่านขึ้นมาจากศิลานั้น
14 และเมื่อท่านมาถึงเมืองเลฮีแล้ว คนฟีลิสเตียก็ตะเบ็งเสียงเข้าใส่ท่าน และพระวิญญาณของพระเยโฮวาห์เสด็จมาสวมทับอยู่บนแซมสันอย่างทรงฤทธิ์ และเชือกพวนเหล่านั้นที่ผูกแขนของท่านก็กลายเป็นเหมือนปอที่ถูกเผาด้วยไฟ และเครื่องจองจำเหล่านั้นของท่านก็หลุดออกจากมือของท่าน
15 และท่านได้พบกระดูกขากรรไกรลาสด ๆ อันหนึ่ง และได้ยื่นมือของท่าน และหยิบมันมา และใช้มันฆ่าคนเหล่านั้นเสียหนึ่งพันคน
16 และแซมสันกล่าวว่า “ด้วยขากรรไกรลา ก็ทับถมกันเป็นกอง ด้วยขากรรไกรลา ข้าได้ฆ่าคนหนึ่งพันคน”
17 และต่อมา เมื่อท่านพูดจบแล้ว ท่านก็โยนกระดูกขากรรไกรลานั้นทิ้งเสียจากมือของท่าน และได้เรียกชื่อสถานที่นั้นว่า รามาทเลฮี
18 และท่านก็กระหายน้ำมาก และร้องทูลต่อพระเยโฮวาห์ และทูลว่า “พระองค์ประทานการช่วยให้พ้นอันใหญ่หลวงนี้ในมือของผู้รับใช้ของพระองค์ และบัดนี้ข้าพระองค์จะตายเพราะความกระหาย และตกอยู่ในมือของผู้ที่มิได้เข้าสุหนัตอย่างนั้นหรือ”
19 แต่พระเจ้าทรงเปิดโพรงในกระดูกขากรรไกรลานั้น และน้ำก็ไหลออกมาจากที่นั่น และเมื่อท่านดื่มแล้ว จิตวิญญาณของท่านก็สดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีก และท่านก็ฟื้นขึ้น เพราะฉะนั้นท่านจึงเรียกชื่อของสถานที่นั้นว่า เอนหักโคร์ ซึ่งอยู่ในเมืองเลฮีจนถึงทุกวันนี้
20 และท่านวินิจฉัยอิสราเอลในสมัยของคนฟีลิสเตียอยู่ยี่สิบปี