กาลาเทีย 4
2 แต่อยู่ใต้อำนาจของบรรดาผู้ปกครองและผู้ดูแล จนถึงเวลาที่บิดาได้กำหนดไว้
3 พวกเราก็เหมือนกัน ตอนที่พวกเราเป็นเด็ก พวกเราก็เคยเป็นทาสอยู่ใต้อำนาจของธาตุทั้งหลายของโลก
4 แต่เมื่อเวลากำหนดครบบริบูรณ์นั้นได้มาถึงแล้ว พระเจ้าก็ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากหญิงคนหนึ่ง ทรงถือกำเนิดใต้พระราชบัญญัติ
5 เพื่อจะทรงไถ่คนเหล่านั้นที่เคยอยู่ใต้พระราชบัญญัติ เพื่อที่พวกเราจะได้รับการรับเอามาเป็นบุตรทั้งหลาย
6 และเพราะว่าพวกท่านเป็นบุตรทั้งหลายแล้ว พระเจ้าจึงทรงส่งพระวิญญาณของพระบุตรของพระองค์เข้ามาในใจของพวกท่าน ร้องว่า “อับบา” พระบิดาเจ้าข้า
7 เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ใช่ผู้รับใช้อีกต่อไป แต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรแล้ว ก็เป็นทายาทของพระเจ้าโดยทางพระคริสต์
8 ถึงกระนั้น ตอนที่ท่านทั้งหลายยังไม่รู้จักพระเจ้า ท่านทั้งหลายได้รับใช้สิ่งเหล่านั้นซึ่งโดยสภาพแล้วไม่ใช่พระทั้งหลายเลย
9 แต่บัดนี้ หลังจากที่พวกท่านได้รู้จักพระเจ้าแล้ว หรือที่ถูกก็คือพระเจ้าทรงรู้จักพวกท่านแล้ว เหตุไฉนพวกท่านจึงหันไปหาธาตุทั้งหลายที่อ่อนแอและอนาถาอีก ซึ่งพวกท่านปรารถนาที่จะเป็นทาสของสิ่งเหล่านั้นอีก
10 พวกท่านถือบรรดาวัน เดือน ฤดู และปี
11 ข้าพเจ้ากลัวพวกท่าน เกรงว่าข้าพเจ้าได้ทำงานหนักเพื่อพวกท่านไปอย่างเปล่าประโยชน์
12 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนพวกท่าน จงเป็นเหมือนข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้าก็เป็นอย่างพวกท่านแล้ว พวกท่านไม่ได้ทำผิดต่อข้าพเจ้าเลย
13 พวกท่านทราบว่า โดยความอ่อนกำลังแห่งเนื้อหนัง ข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่พวกท่านในตอนแรก
14 และการทดลองของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ในเนื้อหนังของข้าพเจ้า พวกท่านก็ไม่ได้ดูหมิ่นหรือปฏิเสธเลย แต่ได้ต้อนรับข้าพเจ้าเหมือนกับว่าเป็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้า คือเหมือนกับว่าเป็นพระเยซูคริสต์เลยด้วยซ้ำ
15 ความปลื้มใจที่พวกท่านได้กล่าวถึงนั้นอยู่ที่ไหนแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นพยานให้พวกท่านได้ว่า ถ้าเป็นไปได้พวกท่านก็คงจะควักตาของพวกท่านออก และให้ดวงตานั้นแก่ข้าพเจ้าไปแล้ว
16 ข้าพเจ้าจึงได้กลายเป็นศัตรูของพวกท่านเพราะข้าพเจ้าบอกความจริงแก่พวกท่านหรือ
17 คนเหล่านั้นเอาอกเอาใจพวกท่านอย่างกระตือรือร้น แต่ไม่ใช่ด้วยความหวังดีเลย ใช่แล้ว พวกเขาอยากจะกีดกันพวกท่าน เพื่อพวกท่านจะได้เอาอกเอาใจพวกเขา
18 แต่การเอาอกเอาใจอย่างกระตือรือร้นในสิ่งที่ดีอยู่เสมอก็เป็นการดี และไม่ใช่เฉพาะแต่เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับพวกท่านเท่านั้น
19 ลูกเล็ก ๆ ของข้าพเจ้าเอ๋ย ผู้ซึ่งข้าพเจ้าเจ็บปวดในการให้กำเนิดอีกจนกว่าพระคริสต์จะได้ทรงก่อร่างขึ้นในพวกท่าน
20 ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะอยู่กับพวกท่านเดี๋ยวนี้ และที่จะเปลี่ยนน้ำเสียงของข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ามีข้อสงสัยในพวกท่าน
21 จงบอกข้าพเจ้าเถิด พวกท่านที่ปรารถนาที่จะอยู่ใต้พระราชบัญญัติ พวกท่านไม่ได้ยินพระราชบัญญัติหรือ
22 เพราะมีเขียนไว้แล้วว่า อับราฮัมมีบุตรชายสองคน คนหนึ่งเกิดจากทาสหญิง อีกคนหนึ่งเกิดจากหญิงที่เป็นไท
23 แต่บุตรที่เกิดจากทาสหญิงนั้นก็เกิดตามเนื้อหนัง แต่บุตรที่เกิดจากหญิงที่เป็นไทนั้นเกิดตามพระสัญญา
24 สิ่งเหล่านี้เป็นอุปไมย ด้วยว่าผู้หญิงสองคนนั้นได้แก่พันธสัญญาสองอย่าง คนหนึ่งมาจากภูเขาซีนาย ซึ่งคลอดลูกเป็นทาสคือ นางฮาการ์
25 เพราะนางฮาการ์นี้ได้แก่ภูเขาซีนายในประเทศอาระเบีย และเปรียบได้กับกรุงเยรูซาเล็มซึ่งอยู่ในปัจจุบัน และกำลังเป็นทาสอยู่พร้อมกับพลเมืองของกรุงนั้น
26 แต่กรุงเยรูซาเล็มซึ่งอยู่เบื้องบนนั้นเป็นไท ซึ่งเป็นมารดาของพวกเราทุกคน
27 เพราะมีเขียนไว้แล้วว่า ‘จงปีติยินดีเถิด เจ้าหญิงหมันผู้ไม่คลอดบุตรเอ๋ย จงเปล่งเสียงและโห่ร้องเถิด เจ้าผู้ไม่ได้เจ็บครรภ์เอ๋ย ด้วยว่าหญิงที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็ยังมีบุตรมากกว่าหญิงที่มีสามี’
28 บัดนี้ พี่น้องทั้งหลาย พวกเราซึ่งเป็นเหมือนอย่างอิสอัคก็เป็นบุตรทั้งหลายแห่งพระสัญญา
29 แต่ในครั้งนั้นผู้ที่เกิดตามเนื้อหนังได้ข่มเหงผู้ที่เกิดตามพระวิญญาณฉันใด ปัจจุบันนี้ก็เป็นเหมือนกันฉันนั้น
30 แต่อย่างไรก็ตามพระคัมภีร์กล่าวอะไร ‘ไล่ทาสหญิงคนนี้กับบุตรชายของนางไปเสียเถิด เพราะว่าบุตรชายของทาสหญิงคนนี้จะไม่เป็นทายาทร่วมกับบุตรชายของหญิงที่เป็นไท’
31 ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย พวกเราจึงไม่เป็นบุตรทั้งหลายของทาสหญิง แต่ของหญิงที่เป็นไท